1. การเลือกหมึกพิมพ์มาผสมผงเรืองแสงควรใช้หมึกพิมพ์ที่มีความใส เนื่องจากการใช้หมึกพิมพ์ที่มีสีจะทำให้ความสว่างของผงเรืองแสงลดลง
2. ความหนืดของหมึกพิมพ์ควรอยู่ระหว่าง 3000-5000 ไมโครพอยส์ (micropoise) และสามารถทำการปรับเปลี่ยนความหนืดได้โดยขึ้นอยู่กับความเร็วในการพิมพ์
3. การใช้สีขาวในการรองพื้นก่อนที่จะเคลือบทับด้วยผงเรืองแสงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรืองแสงได้มากกว่าการใช้สีอื่นรองพื้น นอกจากนี้ในการเคลือบผิวด้วยผงเรืองแสงนั้น การเคลือบผิวมากกว่า 1 ชั้นจะส่งผลให้ความเรืองแสงเพิ่มขึ้น ซึ่งในการเคลือบแต่ละชั้นควรที่จะรอให้ชั้นล่างแห้งสนิทเสียก่อน
4. ความหนาของชั้นผิวที่เหมาะสมคือ 100 ไมโครเมตร (mm) หากความหนาของชั้นผิวเป็น 130-150 ไมโครเมตร จะทำให้มีการเรืองแสงได้ดีที่สุด
5. ในการเลือกใช้ตะแกรงสำหรับการพิมพ์ ควรพิจารณาช่องเปิดของตระเแกรง (mesh) ให้เหมาะสมกับขนาดของผงเรืองแสง เช่น การใช้ตะแกรงที่มีช่องเปิดขนาดใหญ่ควรเลือกผงเรืองแสงที่มีขนาด 80-100 mesh
6. เนื่องจากผงเรืองแสงมีความหนาแน่นสูงทำให้เมื่อนำไปผสมจะเกิดการนอนก้นได้ ดังนั้นอาจมีการเติมสารป้องกันการนอนก้น (anti-settling agent) ลงไปด้วย และควรคนสารให้เข้ากันก่อนที่จะนำไปใช้งาน ซึ่งอาจใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีแก้ว หรือเซรามิกส์อยู่ข้างในเพื่อช่วยในการผสมได้ดียิ่งขึ้น
7. ผงเรืองแสงปริมาณ 1 กิโลกรัม สามารถใช้ในการพิมพ์ได้พื้นที่ 3.3 ตารางเมตร หรือ 12 ตารางฟุต ด้วยความหนาชั้นผิว 150 ไมโครเมตร และ 1 กรัมสามารถพิมพ์ได้พื้นที่ 25 ตารางเซนติเมตร
8. ปริมาณที่เหมาะสมที่สุดในการผสมผงเรืองแสงกับหมึกพิมพ์ คือ ตั้งแต่ 20-50% โดยน้ำหนัก ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยความเรืองแสงจะขึ้นกับปริมาณผงเรืองแสงที่เติมลงไป หากต้องการพิมพ์ร่วมกับสีอื่นๆที่ไม่ใช่สีขาวจำเป็นที่จะต้องใช้ผงเรืองแสงในปริมาณเพิ่มขึ้น
9. ไม่ควรบดผงเรืองแสง เนื่องจากเป็นการทำลายโครงสร้างและความสามารถในการเรืองแสง
10. การเติมสารเติมแต่ง (additive) ลงในส่วนผสมไม่ควรมีส่วนประกอบของโลหะหนักซึ่งอาจส่งผลต่อตัวผงเรืองแสงได้
นอกจากนี้ผงเรืองแสงยังสามารถใช้ได้กับหมึกพิมพ์ทั้ง UV cured ink และ flexography inks.
หน้าที่เข้าชม | 15,246 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 9,369 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 มิ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 1 ต.ค. 2568 |